เมื่อเปิดเผยความลับและความสำเร็จของนายไก่ สส คนใหม่ของพรรคก้าวไกลในเขตที่ 5 ในภาษาไทยเราพบว่าระบบการจัดอันดับไม่มีอยู่จริง ๆ โดยการลงทุนในค่าป้ายโฆษณาไม่ถึง 500,000 บาทกับทีมงานที่มีเพียง 3 คน น่าเชื่อไม่ได้ว่าชาวบ้านจะเบื่อกับการเมืองแบบเก่าๆ เขาเปิดเผยว่าเขาได้รับมอบหมายให้เป็นตัวแทนในนามของพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ 2 คนจากทั้งหมด 5 คนที่มีในจังหวัดนี้
การรายงานผลการเลือกตั้งในจังหวัดพิษณุโลกทั้งห้าเขตได้เปิดเผยว่าผลลัพธ์เป็นดังนี้ ในเขตเลือกตั้งที่ 1 นายปดิพัทธ์ สันติภาดาหรือหมออ๋องจากพรรคก้าวไกลได้รับการเลือกเป็นแชมป์เก่าอีกครั้ง ในเขตเลือกตั้งที่ 2 นายนพพล เหลืองทองนาราจากพรรคเพื่อไทยยังรักษาตำแหน่ง สส หรือ สมาชิกสภาผู้แทนอยู่ ส่วนในเขตเลือกตั้งที่ 3 นายพงษ์มนู ทองหนักจากพรรครวมไทยสร้างชาติสามารถโค่นแชมป์เก่าได้

นายอนุชา น้อยวงศ์อดีตสมาชิกสภาผู้แทนจากพรรคพลังประชารัฐที่ย้ายสังกัดไปอยู่ในพรรคภูมิใจไทย ในขณะเดียวกัน เขตเลือกตั้งที่ 4 นายนิยม ช่างพินิจที่เป็นแชมป์เก่าสมาชิกสภาผู้แทนจากพรรคเพื่อไทยก็ถูกโค่นล้ม เนื่องจากไม่ได้รับความเห็นอกเสียงจากกระแสพรรคเพื่อไทย และสุดท้ายในเขตเลือกตั้งที่ 5 นายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณจากพรรคก้าวไกลที่เป็นน้องใหม่ในวงการการเมืองได้รับการเลือกเป็นแชมป์อย่างประสบความสำเร็จ
การเปิดเผยกับสื่อข่าวเกี่ยวกับเคล็ดลับและความสำเร็จนี้เป็นการเรียกร้องว่ากระแสความนิยมกำลังเบี่ยงเบนระบบการเมืองเก่าแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในพื้นที่อำเภอห่างไกลอย่าง อำเภอนครไทย อำเภอชาติตระการและอำเภอวัดโบสถ์ ตัวผู้แทนไม่ได้ใช้ระบบการจัดอันดับ และมีทีมงานเพียงแค่ 3 คนและรถแห่เพียง 4 คันเท่านั้น ถ้าถามถึงการลงทุนหรือค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งครั้งนี้ สามารถกล่าวได้ว่าไม่เกิน 500,000 บาท
เปิดประวัติของ สส ไก่ พรคคก้าวไกล

ผู้สื่อข่าวได้รายงานเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายศุภปกรณ์ กิตยาธิคุณที่เป็นชื่อเล่น “ไก่” อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นลูกคนที่ 3 ของนายประสงค์ สระคูที่มีอายุกว่า 70 ปี ซึ่งเคยเป็นประธานสภาอบจ.พิษณุโลกในอดีต ในช่วงเวลาที่ “ไก่” เป็นนักเรียนยังอยู่ ไก่จบการศึกษาชั้นปลายที่โรงเรียนพิษณุโลกพิทยาคม รุ่นที่ 38-41 ต่อมาได้ไปจบปริญญาตรีทางด้านนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง และได้รับปริญญาตรีอื่นๆอีก 3 ใบ และมีสัญชาติอำเภอนครไทยแท้ๆ จึงเป็นคนพิษณุโลกอีกคนหนึ่งที่เข้าร่วมในฐานะสสของพรรคก้าวไกล
โดยสรุปภาพรวมของสสจากพิษณุโลกได้แก่ พรรคเพื่อไทย 2 ที่นั่ง พรรคก้าวไกล 2 ที่นั่ง และพรรครวมไทยรักษาชาติ 1 ที่นั่ง